Friday, November 14, 2008

Fw: พร 4 ข้อของท่าน ว.วชิรเมธี

วันนี้เช็คอีเมล์ ปรากฏว่าได้รับข้อความส่งต่อจากเพื่อนสมัยเรียนที่ศิลปากร เป็นเรื่องเกี่ยวกับธรรมะ อ่านแล้วเห็นว่าเป็นคำสอนที่ดีมาก ใช้สำหรับเตือนสติเตือนใจได้ อีกทั้งมีข้อความว่า "ท่านที่ได้รับโปรดส่งต่อไปให้แก่คนที่ท่านรักแลปรารถนาดี เป็นบุญเป็นกุศลยิ่งนัก" เลยเอามาส่งต่อไว้ที่นี่ และเก็บไว้อ่านอีกได้ภายหลัง ลองอ่านกันดูว่าท่านสอนอะไีรบ้าง (ไม่แน่ใจว่าทำไมเพื่อนถึงใช้หัวข้อว่า "พร 4ข้อ..." เพราะดิฉันอ่านแล้วเข้าใจว่าน่าจะเป็นคำสั่งคำสอนมากกว่า อ๋อหรือว่าดังคำกล่าวที่ว่า "ผู้ใหญ่ท่านสั่งท่านสอนถือว่าท่านให้พร" อยากเขียนถึงแม่ด้วยว่า้ "แม่บ่นแม่ด่าก็เหมือนแม่ให้พร" มาอยู่ไกลแม่อย่างนี้ถึงได้รู้ว่าแม่บ่นแม่ด่ามีความสุขขนาดไหน)

[ใครที่ไม่ได้ไปนั่งฟังการบรรยายธรรมะโดยท่าน ว.วชิรเมธี ท่านได้ให้พร 4 ข้อ ดังนี้
1. อย่าเป็นนักจับผิด
คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง
" กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก "
คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส " จิตประภัสสร " ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี
" แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข "

2. อย่ามัวแต่คิดริษยา
" แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน "
คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า " เจ้ากรรมนายเวร " ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้อง ถอดถอน
ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น " ไฟสุมขอน " ( ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน
เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี " แผ่เมตตา " หรือ ซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป

3. อย่าเสียเวลากับความหลัง
90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ " ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น "
มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ " อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน "
" อยู่กับปัจจุบันให้เป็น " ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี " สติ " กำกับตลอดเวลา

4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ
" ตัณหา " ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่ เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วย น้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วย เชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ " ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม "
ทุกอย่าง ต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลา ไม่ใช่มีไว้ ใส่เพื่อความโก้หรู คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่ คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์
เราต้องถามตัวเองว่า " เกิดมาทำไม " " คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน" ตามหา " แก่น " ของชีวิตให้เจอ คำว่า "พอดี" คือถ้า "พอ" แล้วจะ"ดี" รู้จัก "พอ" จะมีชีวิตอย่างมีความสุข]

Monday, November 10, 2008

หลานสาวคนโต "พลอย"

หลานสาวคนโตปีนี้อายุ 19ปีแล้ว เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ตอนอาจันทร์ไปรับปริญญาเธออายุแค่ 4 เดือน วันที่อาจันทร์รับปริญญาอากาศก็ร้อนคนก็แน่นแต่พลอยไม่ร้องสักแอะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่ร้อง เด็กทารกวัยขนาดนั้น อึดมาก หลานคนแรกก็ต้องเป็นหลานรักหลานโปรดไปโดยอัตโนมัติ อยากซื้ออะไรให้ก็ง่าย เพราะมีคนเดียว ตอนหลังต้องระวัง เพราะมีหลานหลายคนเข้า ความเท่าเทียมต้องมี ให้คนเดียวไม่ได้ ถ้าให้ต้องให้ทุกคน จำได้ว่าเคยซื้อเสื้อผ้าให้พลอยเกือบทุกวันตอนทำงานที่สวนมะลิ ข้างๆธนาคารศรีนคร สำนักงานใหญ่มีของมาขาย เสื้อผ้าเด็กคุณภาพส่งออก ราคาถูกแบบต้องซื้อ พวกกระโปรงก็มีแบบน่ารัก อดซื้อไม่ได้ พลอยจึงเป็นเด็กผู้หญิงที่ชอบแต่งตัวผู้หญิงคือชอบใส่กระโปรง ตอนนั้นหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูมาก ตาโตขนตางอนเช้ง พลอยก็เลยตัดสินใจตัดขนตาตัวเองทิ้ง ดีนะกรรไกรไม่ทิมตาซนจริงๆ เราไปเที่ยวด้วยกันบ่อย เที่ยวห้างสรรพสินค้า เล่นเครื่องเล่นสำหรับเด็ก กินไอติม ดูหนัง จำได้ว่าเคยดูหนังเรื่อง “อำแดงเหมือน” จำไม่ได้ว่าพลอยอายุเท่าไรแต่ก็เล็กมาก อาจันทร์หาข้อมูลหน่อย (อำแดงเหมือน กับ นายริด ได้ถูกหยิบมาสร้างเป็นภาพยนตร์ โดย ผู้กำกับ เชิด ทรงศรี ซึ่งเป็นยุคที่ หนังย้อนยุค ประสพความสำเร็จมา ตั้งแต่ เรื่อง แผลเก่า สร้างในปี พ.ศ.2537) ได้แล้วพลอยอายุ 5ขวบ เธอชอบดูหนังเรื่องนี้มาก ตั้งใจดู ไม่เบื่อ ดูเสร็จก็คุยถามอาจันทร์ ทำให้อาจันทร์ประทับใจบวกแปลกใจว่าเด็กเล็กขนาดนี้ไม่น่าสนใจหนังย้อนยุค แนวคิดการเรียกร้องสิทธิสตรี
สมัยก่อนอาจันทร์ใช้สิทธิ์วันหยุดพักร้อน รู้ไหมอาจันทร์ทำอะไร พาพลอยนั่งรถไฟไปโรงเรียน ตอนนั้นพลอยอยู่ชั้นอนุบาลใส่กระโปรงแดง อาจันทร์เอากล้องถ่ายรูปไปด้วย ก็ถ่ายรูปเดี่ยว รูปหมู่ พลอยมีเพื่อนวิ่งตามเยอะมาก ถ่ายกันจนหมดม้วนได้รูป 36-38รูปเลย พอพลอยเข้าเรียน อาจันทร์ก็เอาหนังสืออ่านเล่นมาอ่านและนั่งรอที่โรงอาหาร พอพลอยเลิกเรียนเราก็กลับบ้านด้วยกัน น่าจะได้เป็นอาดีเด่นตัวอย่าง ไม่ใช่อะไรสาวโสดไม่มีแฟนเวลาว่างมันเยอะ
พลอยได้เต้นได้รำกับงานโรงเรียนบ่อยมาก เมคอัฟ อาร์ติส (Make up artist ไม่อยากใช้คำว่าช่างแต่งหน้าเดี๋ยวเชย ใช้ภาษาอังกฤษดูหรูดี) ประจำตัวซุปเปอร์สตาร์ดาราพลอยก็อาจันทร์นั่นแหละ แต่เช้าตรู่ประมาณ 6โมง พลอยมาเคาะห้องอาจันทร์ “แต่งหน้าให้หนูหน่อย” ทาปากให้พลอยไม่ต้องกลัวเลอะ เธอนิ่งมาก บางครั้งงานใหญ่หน่อยอาจันทร์ไม่ได้ไปทำงานก็ต้องตามไปแต่งหน้าให้ที่โรงเรียน ว่าไปแล้วเธอมันลูกสาวอาจันทร์ชัดๆเลย
ตอนที่เราไปดูผลการสอบเข้ากัน แล้วพออาจันทร์เห็นชื่อเธอสอบติด อาจันทร์ก็กอดเธอ เธอถามว่า “อะไรเนีย”แบบเขินๆ พลอยไม่เข้าใจ อาจันทร์ไม่ได้เวอร์ ก็อาจันทร์ดีใจไง ยิ่งเห็นนามสกุลที่เขียนว่า “กันทา” ใจมันตื้นตัน นี่แหละครอบครัวเรา
พลอยเป็นเด็กเรียนเก่ง อาจันทร์ดีใจด้วยที่เทอมแรกปีนี้พลอยสอบได้เกรดเอ (A) ทุกวิชา หวังใจว่าพลอยจะตั้งใจเรียนเสมอต้นเสมอปลายต่อไป (ไม่กล้าเอารูป 1 นิ้วที่พลอยถ่ายปีนี้มาลง เอามอร์เตอร์ไซค์รุ่นที่พลอยซื้อปีนี้ลงแทน ยังไงดูเลือกใช้ให้ถูกกาล ว่าจะขับรถยนต์หรือขี่มอร์เตอร์ไซค์ อาจันทร์เป็นห่วง)

Thursday, October 30, 2008

พี่ปลาไปนอร์เวย์กับเอเอฟเอส

สรุปว่าพี่ปลาไปนอร์เวย์กับองค์การเอเอฟเอส ปีหน้ามา ปี 2009 ถ้าปีพ.ศ. จะเป็นเท่าไรเอย +543 เท่ากับ 2552 มาอยู่เมืองนอกปีไทยไม่ได้ใช้ลืมเอาง่ายๆ ชื่อถนนในกรุงเทพก็ลืม ถนนที่นั่งรถเมล์ไปทำงานเป็นหลายๆ ปี ก็ลืม ทำงานที่แรกที่สวนมะลิใกล้เยาวราช ถนนอะไร ราชวงศ์ ทำงานที่ที่สองไปทางสมุทรปราการ อ๋อ สุขสวัส 35 เขียนไม่ถูกนะเนียว สุขสวัสต์มั้ง ดิฉ้นจบคณะอักษรศาสตร์คะ เขียนเรื่อยเปื่อย ต้องโฟกัสที่หลานสาว "พี่ปลา" ตามหัวข้อเรื่อง เขียนภาษาอังกฤษอีกโอ๊ยไม่รู้ใช้คำไทยว่าอะไรดี ถ้าพี่ปลาอ่านแล้วแนะนำอาจันทร์ว่าน่าจะใช้ คำอะไร แทน คำว่า "โฟกัส" พี่ปลาเก่งภาษาไทย เคยเขียนอีเมล์ไปถามพี่ปลา ตอบกลับมาได้ถูกต้อง พออ่านของหลานแล้วถึงรู้ว่าถูกต้องยังไง นั่งคิดคนเดียวคิดไม่ออก คืออาจันทร์ก็พอมีภูมิ แต่ว่าสนิมมันขึ้นเกาะเต็มไปหมด ทำงานที่สุดท้ายอยู่ 4 ปี ต้องพูดภาษาอังกฤษติดต่องานตลอดเวลา เพราะซื้อของจากสิงคโปร์ กัปตันเรือเป็นอินโดนีเซีย เซอร์เวย์เป็นฟิลิปปินส์ ตอนนี้พูดไม่ได้แล้ว ลิ้นแข็ง ภาษานอร์เวย์เข้ามาป่นเปเสีย เอาอีกแล้วออกนอกเรื่องพี่ปลาอีกแล้ว แค่ว่าอาจันทร์จะเอารูปพี่ปลาตอนปี 2001+543 มาอวดว่าหลานสาวร่าเริงแจ่มใสแค่ไหน สู้กล้อง ยังนี้ไงถึงได้เข้ารอบสอบติด วิชาการผ่านอยู่แล้วเพราะเรียนเก่ง แต่ที่สำคัญก็ต้องมีบุคลิกด้วยถึงสอบผ่านสัมภาษณ์เข้ามาได้ ชมหลานตัวเองหน่อย อ้าวรูปมาแล้ว เด็กผู้หญิงตัวกลมๆ น่ารักๆ ใส่เสื้อยืดสีส้มน่ะพี่ปลากลัวจับไม่ได้ 7 ปีที่แล้ววันที่ 6 เมษายน วันเกิดนายเม่นไง

Sunday, August 03, 2008

พี่ปลาสอบ เอ เอฟ เอส ได้ ไปนอร์เวย์

ไม่รู้ว่าจะได้ไปหรือเปล่าเพราะมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเอง เงิน 3 แสนกว่าบาทไม่ใช่น้อยๆ นะ แต่อย่างน้อยก็สอบได้ผ่านขัอเขียนและสัมภาษณ์ เก็บไว้คุย ได้ไปหรือไม่ได้ไป ไม่ต้องคิดมาก เรียนเก่งอย่างนี้ รอสอบชิงทุนไปเรียนฟรี และได้วุฒิด้วยก็ได้ อาจันทร์เป็นกำลังใจให้

ข้อมูลจากวิกิพีเดีย
องค์การเอเอฟเอสสากล (American Field Service) มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มีประเทศสมาชิกทั่วโลกกว่า 50 ประเทศ มีอาสาสมัครกว่าสามแสนคนซึ่งทำหน้าที่อยู่ในชุมชนโดยมิได้หวังผลตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น ประกอบด้วยบุคลากรจากหลายสาขาอาชีพ ส่วนหนึ่งเป็นครอบครัวอุปถัมภ์ ครู-อาจารย์ บ้างก็เป็นที่ปรึกษาให้กับเยาวชนในชุมชนของตน บางส่วนเป็นผู้รณรงค์หาทุนให้กับเยาวชนที่ขาดแคลนเป็นต้น

ในแต่ละปีมีผู้เข้าร่วมโครงการเอเอฟเอสเกือบหนึ่งหมื่นคนจากทั่วโลก การร่วมมือสนับสนุนเงินเข้ากองทุนเพื่อการดำเนินการเหล่านี้ส่วนหนึ่งมาจากผู้เข้าร่วมโครงการ นอกจากนี้องค์การเอเอฟเอสยังได้รับการสนับสนุนในด้านอื่นๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชนนับเป็นมูลค่ามหาศาลจากทั่วโลก

ข้อมูลจาก thaigooview

มูลนิธิการศึกษาและวัฒนธรรมสัมพันธ์ไทย-นานาชาติ (เอเอฟเอส ประเทศไทย) ได้ดำเนินการร่วมกับ

เอเอฟเอสโลก และประเทศสมาชิกจำนวนกว่า 50 ประเทศ จัดโครงการเพื่อการเรียนรู้ด้านภาษาและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม โดยมุ่งหวังในการสร้างความเข้าใจอันดีและการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขระหว่างมวลมนุษยชาติและเป็นการพัฒนาทักษะค่านิยมส่วนบุคคล ตลอดจนวัฒนธรรมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเยาวชน จนสามารถปรับตนเองให้อยู่ร่วมกับบุคคลอื่นที่มีความแตกต่างในหลาย ๆ ด้านได้อย่างมีความสุข ทั้งนี้ เยาวชนที่เป็นคนดีมีคุณสมบัติและความสามารถเหมาะสมตามเกณฑ์และมาตรฐานของเอเอฟเอส จะได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนของเยาวชนไทยไปศึกษาและพำนักกับครอบครัวอุปถัมภ์ในต่างประเทศ ระยะเวลาประมาณ 1 ปีการศึกษา เปิดรับสมัครเพื่อคัดเลือกเยาวชนไทย รุ่นที่ 48 กำหนดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 6 มิถุนายน 2551

ลักษณะโครงการ

1.ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ และเข้าค่ายเตรียมความพร้อมในประเทศก่อนเดินทางอย่างน้อย 3 ครั้ง

หลังเดินทางกลับอีก 1 ครั้ง และในต่างประเทศอีกประมาณ 3 ครั้ง

2.ส่งนักเรียนสู่ประเทศสมาชิกเกือบทั่วโลก ทั้งในทวีปอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป ออสเตรเลียและเอเชีย อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา เยอรมนี เบลเยียม ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก รัสเซีย บราซิล ชิลี อาร์เจนตินา และประเทศอื่น ๆ

3.พำนักกับครอบครัวอุปถัมภ์ที่จัดสรรโดยเอเอฟเอสประเทศอุปถัมภ์

4.เรียนรู้ภาษาและร่วมกิจกรรมในโรงเรียนอุปถัมภ์เสมือนเป็นนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาคนหนึ่งของโรงเรียน

5.เรียนรู้และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมโดยมีส่วนร่วมในกิจกรรมของชุมชน และร่วมทัศนศึกษาตามโอกาส

6.เป็นตัวแทนเยาวชนไทยนำวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของไทยไปเผยแพร่ต่อครอบครัว โรงเรียน และชุมชนในประเทศอุปถัมภ์

7.เข้าร่วมโครงการระยะเวลาประมาณ 9-11 เดือน ขึ้นอยู่กับประเทศอุปถัมภ์เป็นผู้กำหนด

8.สามารถเทียบชั้นเรียนได้โดยจะต้องนำผลการเรียนหรือผลการประเมินจากโรงเรียนอุปถัมภ์มาดำเนินการตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงศึกษาธิการ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของโรงเรียนที่นักเรียนสังกัด

9.ปฏิบัติตามกฎระเบียบของเอเอฟเอสทุกประการ

10.ได้รับประกาศนียบัตรของเอเอฟเอส ประเทศไทย เมื่อเสร็จสิ้นโครงการ

วิธีการสอบคัดเลือก

ในการดำเนินการสอบคัดเลือก มูลนิธิกำหนดให้ดำเนินการเป็น 2 ขั้นตอน คือ การสอบข้อเขียนและการสอบสัมภาษณ์

คุณสมบัติของผู้สมัคร

1.สัญชาติไทย

2.ต้องเกิดระหว่าง 30 มิถุนายน 2534 ถึง 31 ธันวาคม 2536

3.กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3-4-5 หรือเทียบเท่า และต้องกำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาในประเทศไทยที่กระทรวงศึกษาธิการรับรองวิทยฐานะ ทั้งขณะสมัครและขณะอยู่ในโครงการ

4.ต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนไปต่างประเทศที่มีระยะเวลามากกว่า 6 เดือน

5.เป็นผู้มีความประพฤติดี

6.ต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวทั้งทางร่างกายและจิตใจ ไม่เป็นโรคติดต่อหรือเป็นพาหะของโรคใด ๆ ที่จะเป็นอุปสรรคในการเข้าร่วมโครงการ เช่น โรคไวรัสตับอักเสบ ไทรอยด์ เบาหวาน เป็นต้น รวมทั้งเป็นผู้มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของประเทศอุปถัมภ์ ในกรณีที่มีข้อโต้แย้งต้องได้รับการพิจารณาตัดสินเด็ดขาดโดยแพทย์ที่มูลนิธิมอบหมาย

7.มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมสุดท้าย (GPA) ไม่ต่ำกว่า 2.30

หลักฐานในการสมัคร/ค่าสมัคร

1.ใบสมัครที่ติดรูปถ่ายและกรอกข้อความสมบูรณ์ พร้อมลายเซ็นผู้สมัครและผู้ปกครอง

2.รูปถ่ายหน้าตรง สีหรือขาวดำ ใส่ชุดนักเรียนระดับชั้นปัจจุบัน ไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่นดำ ขนาด 1 นิ้ว

(ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน) จำนวน 2 รูป

3.ค่าสมัครสอบ 200 บาท

หมายเหตุ

1.นักเรียนที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ ณ ประเทศอาร์เจนตินา โบลิเวีย บราซิล ชิลี คอสตาริกา โคลอมเบีย เวเนซูเอลา กัวเตมาลา ปานามา ปารากวัย เปรู โดมินิกา ฮอนดูรัส เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ ตุรกี อียิปต์ มาเลเซีย และประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากที่ระบุในข้อ 2-4 ต้องชำระเงินบริจาคสมทบทุน จำนวน 270,000 บาท (สองแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน)

2.นักเรียนที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ ณ ประเทศเบลเยียม (ทั้งเขตพื้นที่ที่สื่อสารด้วยภาษาฝรั่งเศส และภาษาดัทช์) เดนมาร์ก สเปน ฟินแลนด์ ฮังการี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปรตุเกส รัสเซีย จีน เช็กรีพับลิค สโลวาเกีย ลัตเวีย และสวีเดน ต้องชำระเงินบริจาคสมทบทุน จำนวน 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน)

3.นักเรียนที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ ณ ประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย และไอซ์แลนด์ ต้องชำระเงินบริจาคสมทบทุน จำนวน 330,000 บาท (สามแสนสามหมื่นบาทถ้วน)

4.นักเรียนที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ ณ ประเทศแคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา ต้องชำระเงินบริจาคสมทบทุน จำนวน 360,000 บาท (สามแสนหกหมื่นบาทถ้วน)

5.มูลนิธิเอเอฟเอส ประเทศไทย สงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนเงินบริจาคสมทบทุนที่ได้รับชำระมาแล้ว เว้นแต่ในกรณีที่ไม่อาจหาครอบครัวและโรงเรียนอุปถัมภ์ให้ได้ มูลนิธิเอเอฟเอส ประเทศไทย จึงจะคืนเงินบริจาคสมทบทุนที่ได้รับชำระมาแล้วทั้งหมด

6.มูลนิธิเอเอฟเอส ประเทศไทย สงวนสิทธิ์ในการปรับอัตราเงินบริจาคสมทบทุนตามความเหมาะสม หากมีปัจจัยภายนอกมาทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการสูงขึ้นมาก

ทุนการศึกษาเป็น 3 ประเภทดังนี้

1.ทุนการศึกษาจากบริษัท หน่วยงาน หรือองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งเจ้าของทุนจะจ่ายเงินบริจาคสมทบทุนเต็มจำนวนให้กับมูลนิธิเอเอฟเอส ประเทศไทยโดยตรง ผู้มีสิทธิ์ขอทุนประเภทนี้ ต้องเป็นบุตร-ธิดาของเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานในหน่วยงานหรือบริษัทของเจ้าของทุน และ/หรือมีคุณสมบัติตามที่เจ้าของทุนกำหนด และเข้าร่วมโครงการในประเทศอุปถัมภ์ที่เจ้าของทุนและมูลนิธิกำหนด

โปรดศึกษารายละเอียดจาก ระเบียบการขอรับทุน Corporate Scholarship Program (CSP)”

2.ทุนการศึกษาของมูลนิธิเอเอฟเอส ประเทศไทย เป็นทุนเต็มจำนวนเงินบริจาคสมทบทุนของแต่ละประเทศ เพื่อสนับสนุนนักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ผู้มีสิทธิ์ขอรับทุน คือ ผู้ที่บิดา มารดา หรือผู้ปกครองตามกฎหมาย มีรายได้รวมกันแล้วไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน ผู้ที่สมัครขอทุนนี้ไม่มีสิทธิ์เลือกประเทศ และจะต้องเข้าร่วมโครงการในประเทศอุปถัมภ์ที่มูลนิธิกำหนดให้เท่านั้น

3.ทุนสำหรับนักเรียนไทยมุสลิม มี 2 ประเภท คือ ทุน AFS Youth Exchange and Study เป็นทุนเต็มจำนวนจากรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกา และทุน US Embassy เป็นทุนเต็มจำนวนจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย

รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่

1.ครูผู้ประสานงานเอเอฟเอสโรงเรียน (กลุ่มสาระวิชาภาษาต่างประเทศ งานแนะแนว และ/หรือ

งานประชาสัมพันธ์โรงเรียน)

2.เอเอฟเอสเขต/จังหวัด หรือศูนย์ประสานงานรับสมัครและสอบคัดเลือกเอเอฟเอสในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ

3.ฝ่ายพัฒนาอาสาสมัคร สำนักงานมูลนิธิเอเอฟเอส ประเทศไทย เลขที่ 68/156-157 ซอยประชาชื่น-นนทบุรี 9 ถนนประชาชื่น ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 โทรศัพท์หมายเลข 0-2980-1002 ถึง 4 ต่อ 502 ถึง 507 ระหว่างเวลา 10.00–12.00 น. หรือ 13.00–17.00 น. วันจันทร์ศุกร์ เว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

4.Website : www.afsthailand.org มูลนิธิการศึกษาและวัฒนธรรมสัมพันธ์ไทย-นานาชาติ (เอเอฟเอส ประเทศไทย) โทร.0-2574-6197-9, 0-2980-1002-4


Friday, June 20, 2008

อาเล็กไปเมืองจีน




เยี่ยมบ้านเมืองไทย 2551

ปีนี้ 2551 กลับไปเยี่ยมบ้านเมืองไทย ได้ทำอะไรที่ต้องทำ ดีใจมากหลายอย่าง ได้พาหลานสาวข้างบ้านไปเที่ยวด้วย ที่ชะอำ 1 สัปดาห์เต็ม และก็ 16 วันที่พิษณุโลก กินข้าวเย็นมีความสุขมากที่สุดที่เมืองไทยคือมื้อที่กินหมูกระทะที่ชำอำกับหลานสาวสองคน และก็สามีทีรักกับลูกที่แสนรักอยู่ด้วย เราช่วยกันปิ้งช่วยกันย่าง แล้วก็กินๆๆๆๆ กินเก่งจริงๆ เคยดีใจมากที่สอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของรัฐได้ แต่รู้สึกดีใจน้อยกว่าตอนที่รู้ว่าไอ้สวยได้ที่เรียนม.3 ที่พิษณุโลก ดีใจบวกโล่งใจ ดีใจที่พลอยสอบเข้า มน.ได้ พี่น้องได้อยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิติร่วมกันแบ่งปันกันฉันท์พี่น้อง อาจันทร์จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ดูรูปพี่ชาย (เปี๊ยก) ใบขับขี่รถยนต์ อยู่ๆ ก็ฉุนบวกโมโหไร้เหตุผลคิดแต่ว่า ทำไมมึงรีบตายว่ะ อยากร้องไห้ เคยรู้สึกว่าตัวเองมีใจที่นิ่งขึ้น แต่จริงๆ แล้วอาจจะไม่ใช่ เพราะจะคิด หรือ หวัง ให้ได้ดั่งใจ ให้หลานเข้าใจ ความปรารถนาดีที่อาจันทร์มีให้ ในฐานะที่เกิดก่อน รู้และเข้าใจโลกมากกว่า ขอบอกว่าไม่ได้คาดหวังให้ใครต้องเป็นอย่างที่อาจันทร์หวัง แต่อยากให้หลานได้ในสิ่งที่ดีในชีวิต เท่าที่เป็นไปได้ เคยบอกว่า ในอานาคตใครจะรู้ ผู้คนอาจจะเรียกหลานคนโตอาจันทร์ว่า ท่านพลอย

เราไปไหนกันบ้างนะ โน๊ตไว้หน่อยตรงนี้ดีกว่า เราไปเที่ยว ชะอำ หัวหิน พิษณุโลก - เมือง ภู่หินร่องกล้า เพรชบูรณ์ - เขาค้อ อุดรธานี - เมือง พิพิธภัณฑ์ บ้านเชียง
โรงแรมเจริญศรีฯ ที่อุดรฯ เตียงนอนสุดยอด นอนหลับสบาย ไม่อยากลุก

Saturday, May 17, 2008

โครงการอินโดจีนวิวพ้อยท์

อยากบอกว่าโครงการนี้น่าสนใจ ไปดูมาแล้ว

ลูกสาวเล็กอาจันทร์ ไอ้สวย

เมื่อวาน 16 พ.ค เป็นวันเปิดเรียนวันแรกของไอ้สวย ลูกสาวเล็กอาจันทร์ อาจันทร์็ขับรถไปรับไปส่ง ตอนแรกว่าจะลองนั่งรถเมล์บ้านเราไปกัน แต่อาจันทร์มีธุระสำคัญอย่างอื่นต้องทำ เลยต้องมีรถ ปัจจัยที่ห้าไปด้วยจะดีกว่าเพราะสะดวกกว่ารวดเร็วกว่า สวยเรียนที่โรงเรียนจร ห้อง3.4 ห้องเด็กพรสวรรค์ซะด้วย
รูปบรรยากาศโรงเรียนใหม่ของสวยที่พิดโลก