Wednesday, June 16, 2010

ดอกไม้ กับ ต้นเชอร์รี่

ปีที่แล้วอาจันทร์คุยกับพลอยไว้ว่าจะเอารูปดอกไม้หน้าร้อนที่นอร์เวย์มาให้ดู คุยกันว่าดอกไม้ที่มันเหมือนหรือคล้ายกับที่เขากำทำเป็นช่อขายในงานวันรับปริญญา จำได้ว่าราคาช่อละ 200กว่าบาทเชียวนะ ขนาดเมื่อกว่า 20ปีที่แล้ว รูปดอกไม้ที่ว่าถ่ายมาเป็นเวลาประมาณปีหนึ่งได้แล้ว ถ่ายเมื่อหน้าร้อนปีที่แล้วไง ดูรูปดอกไม้กันก่อน






เพื่อนอาจันทร์ อาเหมียวอยากให้เขียนเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมชาติ พระอาทิตย์ หรือ ดอกไม้ ซึ่งจริงๆ แล้ว อาจันทร์ก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกันแต่ก็ยังไม่ได้เขียนสักที ตอนนี้อยากจะลองเขียนก็เขียนไม่ออก แล้วจะทำอย่างไรดีหละ ผลัดมานานแล้ว เอาเป็นว่า เขียนไปเรื่อยเปื่อยก่อนก็แล้วกัน ที่อาจันทร์อยากเขียนเรื่องนี้เพราะมันเป็นความประทับใจ ที่เห็นต้นไม้ต้นเดียวกันมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และมีความเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากถ้าไม่เฝ้าสังเกตุ แต่ละฤดูอากาศและอุณหภูมิที่มีความแตกต่างกันอย่างมากทำให้ต้นไม้ต้องปรับตัวเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับ สภาพภูมิอากาศ ยกตัวอย่างต้นเชอร์รี่ในสวนที่บ้าน

ฤดูหนาว อากาศหนาวอุณหภูมิติดลบบ้าง บวกนิดหน่อยบ้าง ต้นเชอร์รี่จะไม่มีใบเลย กิ่งก้านลำต้นสีดำ บางครั้งหิมะตกลงมาเกาะทำให้ต้นเชอร์รี่ดูเหมือนมีดอกและใบสีขาวซึ่งก็ดูสวยไปอีกแบบหนึ่ง ช่วงกลางเดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมกราคมมืดทั้งวันทั้งคืนด้วยนะ เรียกว่าพระอาทิตย์หลับไม่ยอมตื่นเลย
ฤดูใบไม้ผลิ อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น หิมะก็ตกลงมาไม่บ่อยแล้ว จนกระทั่งหิมะเลิกตก น้ำแข็งตามพื้นดินที่เกิดจากหิมะละลายตอนอุณหภูิมิสูงขึ้นกับฉับพลันอุณภูมิติดลบมากๆในตอนกลางคืนก็เริ่มละลาย ใบไม้ของต้นเชอร์รี่ก็ผลิที่ละนิดๆ แต่ไวมาก สามารถเห็นความแตกต่างอย่างรวดเร็ว ช่วงฤดูนี้มีข้อเสียที่เห็นได้ชัดคือ พระอาทิตย์ที่กลับคืนมา แต่หิมะที่ขาวโพลนยังไม่จากไป แสงอาทิตย์กับสีขาวของหิมะสามารถทำให้ปวดหัวและเคืองตาได้ ข้อดีคือความอบอุ่นที่ได้รับกับความหวังตั้งตารอคอยฤดูร้อนที่จะก้าวเข้ามา
ฤดูร้อน อากาศถือว่าร้อน ถ้าเทียบกับฤดูหนาวเพราะอุณหภูมิต่างกัน อธิบายยังไงดีหละ คือจะว่าร้อนก็ไม่ร้อนถ้าเทียบกับอุณหภูมิที่สูงมากสม่ำเสมออย่างเมืองไทย สรุปอย่างนี้คือมันเคยหนาวมากขนาดติดลบ 10 15 20 องศา พออุณภูมิสูงขึ้นมาเช่นประมาณบวก 12-15องศา ก็ร้อนแล้ว ช่วงนี้ต้นเชอร์รี่ก็จะเขียวมาก เพราะใบเต็มต้นไปหมด กับมีดอกสีขาวขนาดเล็กๆบานสะพรั่ง รอสักหน่อยดอกก็จะกลายเป็นผลเชอรรี่สีเขียวอ่อน ช่วงเดือนมิถุนายนมีแสงสว่างทั้งวันทั้งคืนด้วย เรียกว่าพระอาทิตย์ไม่ยอมหลับนอนเลย หรือที่คนทั่วไปรู้จักหรือเรียกกันว่า "พระอาทิตย์เที่ยงคืน"
ฤดูใบไม้ร่วง อากาศในตอนกลางคืนก็หนาวมากขึ้นเพราะอุณหภูมิเริ่มลดต่ำลง ผลเชอร์รี่ที่เขียวอ่อนก็เริ่มเปลี่ยนสี เหลืองๆ ส้มๆ แดงๆ แล้วก็แดงจัดจ้านสุกเปล่งปลั่ง เต็มต้นไปหมด จากนั้นอากาศหนาวมากขึ้นทุกทีๆ ใบที่เขียวก็เปลี่ยนสี ออกเหลือง เหลืองทั้งใบ น้ำตาล และเหี่ยวแห้งล่วงหลุดจากกิ่งก้าน ในที่สุดก็เหลือแต่ลำต้นกิ่งก้านที่ไร้ใบ ตลอดฤดูใบไม้ร่วงมีข้อดีคือ ในแต่ละวันมีความสมดุลย์ของแสงสว่างกับความมืด และแล้วในเดือนพฤศจิกายนก็เข้าสู่ฤดูหนาวต่อไป ต้นเชอร์รี่ก็จะมีลักษณะเปลี่ยนแปลงวนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่รู้จบ

ต้นชอร์รี่ต้นนี้ลูกดกใช้ได้ เก็บกินสดๆ ก็คงไม่ไหว เพราะมันไม่ใช่ชนิดเดียวกันกับเชอร์รี่ลูกใหญ่สีม่วงที่มีขายที่เยาวราช มันอร่อยสู้ชนิดนั้นไม่ได้ แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้นกก็จะมาจิกกิน แบ่งให้นกกินบ้างก็คงไม่เป็นไร แต่ทั้งนกทั้งคนกินไม่ทันผลเชอร์รี่ก็จะหล่นจากต้นไปบนพื้นดินเสียหมด ปีที่แล้วเป็นปีแรกที่่เก็บผลเชอร์รี่ต้นนี้ทำไวน์ เก็บได้ประมาณ 14กิโล หมักไว้เมื่อฤดูใบไม้ร่วงซึ่งตอนนี้ก็นานเกือบจะชนปี สามารถบรรจุใส่ขวดได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้จัดการทำเลย มีแต่รูปต้นเชอร์รี่เฉพาะฤดูร้อนมาฝากก่อน วันหลังจะถ่ายรูปต้นเชอร์รี่ในฤดูต่างๆ คงต้องรอไปก่อน


อาจันทร์ก็ได้ข้อคิดจากการเฝ้าสังเกตุต้นไม้ใบหญ้าที่นี่แหละเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต "ต้นไม้ยังสู้ ปรับตัวเองให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศได้ ไม่อยากอายต้นไม้มัน....."
>(^.^)<