Thursday, February 12, 2009

ตากะยาย

วันนี้เช็คอีเมล์ ปรากฏว่าได้รับข้อความส่งต่อจากเพื่อนสมัยทำงานที่แรก (บริษัทไทยนาม จำกัด มหาชน) เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตคู่ อ่านแล้วเห็นว่าเป็นคำสอนที่ดี คำที่ว่า"ให้อภัยและอดทน" คำนี้กินใจและเข้าใจ (ว่าสามีดิฉันตัองอดทนกับดิฉันมากมายขนาดไหน และดิฉันก็ต้องให้อภัยเขาเสมอมา) อ่านถึงประโยคสุดท้ายก็ทำให้ดิฉันยิ้มและก็หัวเราะออกมาได้ ที่เพื่อนเขียนบอกว่า "อ่านนะจ๊ะน่ารักมากเลย" ก็เลยเข้าใจ น่ารักจริงๆ วิธีการเขียนสอนแบบนี้ดีจัง ไม่เครียดและก็เข้าใจง่าย แถมได้ยิ้มและก็หัวเราะอีก หวังว่าใครที่ได้มาอ่านคงเข้าใจบวกทำใจกับการใช้ชีวิตคู่ และได้ยิ้มกับหัวเราะกับประโยคสุดท้าย (ตอนอ่านยังไม่จบ ยังสงสัยว่าเงินล้านทำไมยายแกไม่ฝากธนาคารถ้าแกได้จากย่าของแก) มาลองอ่านดู

มีชาย-หญิงคู่นึงแต่งงานอยู่ด้วยกัน
กระทั่งถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรกันเลยเชียวหล่ะ
ฝ่ายหญิงมีกล่องเก็บของอยู่ใบหนึ่งวางในตู้เสื้อผ้า
และกำชับแกมขอร้องสามีว่าอย่าได้เปิดดูหรือถามใดใดทั้งสิ้น
ฝ่ายสามีก้อช่างน่ารักเสียเหลือเกิน
ไม่เคยปริปากถามเรื่องกล่องใบนั้นอีกเลย
วันเวลาผ่านไปหลายสิบปี อยู่มาวันหนึ่งฝ่ายหญิงป่วยมาก
หมอลงความเห็นว่าเธอคงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกไม่นานเธอจึงวานให้สามีช่วยไปหยิบกล่องใบนั้นจากตู้เสื้อผ้า
หลังจากที่ฝ่ายชายกลับมาพร้อมกับยื่นกล่องให้เธอ
เธอเปิดฝากล่องขึ้นมาพบว่ามี
ตุ๊กตาถักไหมพรมกับเงินอีกจำนวนหนึ่ง (ประมาณว่า 1,000,000 บาท)
บรรจุอยู่ข้างใน

ฝ่ายหญิงเริ่มเอ่ย "ในวันแต่งงานของเรา
คุณย่าของฉันได้ให้บทเรียนสอนใจ
ท่านว่าครอบครัวสมรสเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
หนักนิดเบาหน่อยต้องให้อภัยและอดทนให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ไว้เนื้อเชื่อใจ
มีความรักให้แก่กัน
และที่สำคัญคือมีความเข้าใจกัน "เธอหยุดพูด
พร้อมกับยื่นมืออันแทบจะไร้เรี่ยวแรงลูบตุ๊กตาไหมพรมไปมา
"คุณย่าได้แนะเคล็ดลับให้ว่า
เมื่อใดที่ความรู้สึกไม่พอใจเกิดขึ้น
หรือรู้สึกโกรธมากๆ
ขึ้นมา ให้ถักตุ๊กตาไหมพรมเก็บไว้ 1 ตัวเสมอ"

ฝ่ายชายเหลือบมองเข้าไปในกล่อง
มีตุ๊กตาไหมพรม 2 ตัววางอยู่
เขาเบือนหน้าไปอีกทาง
เพื่อหลบหยดน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ
เขารู้สึกซาบซึ้งน้ำใจของภรรยามีต่อเขาเป็นยิ่งนัก
ชีวิตสมรสที่ยาวนานกว่า 50 ปี
มีตุ๊กตาไหมพรมเพียง 2 ตัว
เท่านั้นแทนจำนวนครั้งที่ภรรยาได้โกรธเคืองเขา

หลังจากปาดคราบน้ำตาแล้ว เขาหันกลับมา
ฝ่ายภรรยาพูดต่อ
" เธอคงแปลกใจกับเงินก้อนนี้สินะ"
ฝ่ายหญิงหยิบมันขึ้นมา
แล้วพูดต่อว่า
"มันเป็นเงินที่ได้มาจากการทยอยขายตุ๊กตาไปทีละตัวๆ ค่ะ"

No comments: